ความเคลื่อนไหวของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN หลังจากประกาศเข้าถือสิทธิ องค์กรมิสยูนิเวิร์ส หรือ Miss Universe Organization (MUO) ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN ได้ขายหุ้นออกมาหลังจากนั้นกว่า 14 ล้านหุ้น มูลค่ารวมกว่า 309 ล้านบาท ก่อนที่จะมีการประกาศออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ (Right Offering หรือ RO) ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในราคาเสนอขาย 3 บาทต่อหุ้นนั้น
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN
เปิดเผยว่า ตนเองและครอบครัวจะมีการใส่เงินใช้สิทธิซื้อหุ้น RO อย่างเต็มที่ และขับเคลื่อน JKN ไปสู่เป้าหมายที่ได้วางไว้ ส่วนการขายหุ้นในช่วงก่อนหน้านั้นเป็นการนำเงินมาเพื่อหมุนเวียนในธุรกิจ
“เดิมที่ขายหุ้นของตัวเองออกมาก็เพื่อนำเงินมาให้บริษัท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ MUO ซึ่งเป็นสเกลธุรกิจระดับโลกโดยไม่คิดดอกเบี้ย และที่จำเป็นต้องเพิ่มทุน RO เพื่อเตรียมความพร้อมต่อยอดทางธุรกิจในระดับโลก โดยตนเองและครอบครัวพร้อมจะใช้สิทธิซื้อหุ้น RO อย่างเต็มที่ และขับเคลื่อน JKN ไปสู่เป้าหมายที่ได้วางไว้”
ทั้งนี้บริษัทจะออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ (Right Offering หรือ RO) ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญ เพิ่มทุนในราคาเสนอขาย 3 บาทต่อหุ้น เพื่อเปิดโอกาสให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมมีสิทธิในส่วนร่วมกับความสำเร็จ จากการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ MUO ที่มีเป้าหมายรายได้ 1,200 ล้านบาท หลังประเทศเอลซัลวาดอร์ทุ่มเงินกว่า 400 ล้านบาท เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดครั้งต่อไปในปลายปี 2566 เป็นบทพิสูจน์หนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า JKN จะสามารถเติบโตได้ 80% ตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนภาพรวมการดำเนินงานในปี 2566 จะเป็นปีที่ JKN เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด หลังจากบริษัทฯ เป็นเจ้าขององค์กรมิสยูนิเวิร์ส ช่วยยกระดับภาพลักษณ์และกระบวนการทำงานของบริษัทฯ สู่มาตรฐานระดับ Global Company และด้วยแผนกลยุทธ์การต่อยอดธุรกิจนำแบรนด์ Miss Universe ขับเคลื่อนการเติบโตต่อจากนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญขององค์กรทำให้ JKN ก้าวสู่การเป็น Global Content Commerce Company ได้อย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้เงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการออกและเสนอขายหุ้น RO จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้ JKN โดยมีแผนปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเป็นผลให้อัตราส่วนทางการเงินดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในส่วนของหนี้สินต่อส่วนทุน (D/E Ratio) ที่จะปรับลดลงจากเดิม ณ สิ้นไตรมาส 3/65 ซึ่งอยู่ที่ 1.7 เท่า และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี เหลือประมาณ 1,000 ล้านบาท โดย JKN มีแผนการออกหุ้นกู้เพื่อนำไปชำระคืนหุ้นกู้ชุดเดิม ซึ่งเป็นไปตามแผนเดิมภายใต้วงเงินที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุม ผู้ถือหุ้น และยังมีวงเงินสำรองอีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จึงไม่มีปัญหาในเรื่องสภาพคล่อง และแผนการชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดแต่อย่างใด.
ติดตาม “การประชุมเศรษฐกิจโลก 2023” ผ่านช่อง JKN-CNBC ถึง 20 ม.ค. นี้
JKN-CNBC เกาะติดเวทีการประชุมเศรษฐกิจโลก World Economic Forum 2023 ส่งตรงจาก DAVOS ถึงเมืองไทย เริ่ม 17-20 มกราคม 2566 เช็กช่องทางรับชมข่าวได้ที่นี่ ช่อง JKN-CNBC เกาะติดเวที การประชุมเศรษฐกิจระดับโลก World Economic Forum 2023 (Davos 2023) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดาวอส ประเทศ สวิตเวอร์แลนด์ ในช่วงวันที่ 17- 20 มกราคม นี้ ซึ่งบรรดาผู้นำภาคเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการระดับเมืองโลกมาร่วมหารือใน หัวข้อ Cooperation in a Fragmented World (การแสวงหาความร่วมมือในโลกที่แยกขั้ว)
CNBC ในฐานะ Media Partner หลัก ได้ร่วมดำเนินรายการในเวทีเสวนา รวมถึงสัมภาษณ์พิเศษแบบเจาะลึกกับบุคคลที่ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียงในวงการเศรษฐกิจโลก พร้อมกับทีมข่าวคุณภาพมาตรฐานชั้นแนวหน้านับร้อยชีวิต เกาะติดข่าวสารอย่างใกล้ชิดตลอดการจัดงาน JKN-CNBC จึงนำเสนอเนื้อหาที่เข้มข้น และ Exclusive ให้ผู้ชมชาวไทยได้ติดตามในช่วง “DAVOS” 2023 ซึ่งจะออกอากาศทุกรายการข่าวของ JKN-CNBC เริ่มต้นในวันที่ 17 มกราคมเป็นต้นไป ในช่วงเช้า รายการ Squawk Box (ล็อคหุ้นรวย) เวลา 9.00 -10 30 น. รายการ Power Lunch ทันข่าวเที่ยง เวลา 13.10 -14.00 น. รวมถึง รายการ Street Signs ในเวลา 17.20-18.20 น. ติดตามชมได้ทาง AIS PLAY ช่อง 642 และ GIGATV ช่อง 604 และ Social Media JKN-CNBC
การประชุม World Economic Forum เป็นเวทีที่ผู้เข้าร่วมการประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับนโยบายและพัฒนาการที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของโลก โดยจะมีผู้เข้าร่วมการประชุมหลายพันคนจากทั่วโลก ซึ่งเป็นบุคคลระดับผู้นำทางการเมือง ภาคอุตสาหกรรม และภาคประชาสังคม
สำหรับการประชุมในปีนี้มีผู้นำระดับสูงทางการเมืองและภาคธุรกิจเข้าร่วมมากเป็นประวัติการณ์ โดยมีประมุขของรัฐและผู้นำรัฐบาลเข้าร่วมการประชุมจำนวน 52 คน รัฐมนตรีคลัง 56 คน รัฐมนตรีการค้า 30 คน รัฐมนตรีต่างประเทศ 35 คน และผู้ว่าการธนาคารกลาง 19 คน
นอกจากนี้ยังมีผู้นำจากองค์กรระหว่างประเทศ 39 คน รวมถึงผู้นำขององค์การสหประชาชาติ (UN), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และองค์การการค้าโลก (WTO)ขณะเดียวกัน ผู้นำภาคธุรกิจจำนวน 1,500 คนจะเข้าร่วมการประชุมโดยเป็นระดับซีอีโอมากกว่า 600 คน
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เซ็กซี่บาคาร่า ไฮโลออนไลน์